บทความ

3 วิธีผ่อ…

3 วิธีผ่อนรถให้หมดไว จ่ายดอกเบี้ยน้อยกว่า!

      การซื้อรถยนต์แบบผ่อนชำระ ถือเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมจากคนส่วนใหญ่ แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นการผ่อนชำระกับธนาคาร แน่นอนว่าต้องมาพร้อมอัตราดอกเบี้ย แล้วหากไม่อยากจ่ายดอกเบี้ยจำนวนมาก จะมีวิธีผ่อนรถให้หมดไวขึ้นได้อย่างไรบ้าง

1.จ่ายเงินดาวน์เยอะ ช่วยลดยอดเงินกู้

      เทคนิคแรกในการผ่อนรถให้หมดไว เริ่มต้นได้ตั้งแต่ตอนที่คุณตัดสินใจซื้อรถยนต์แล้วต้องจ่ายเงินดาวน์ ไม่อยากเสียดอกเบี้ยเยอะหรือผ่อนชำระกับธนาคารเป็นเวลานาน แนะนำให้จ่ายเงินดาวน์ก้อนใหญ่เพื่อช่วยลดยอดเงินกู้ ทำให้จ่ายค่างวดและดอกเบี้ยน้อยลง รวมถึงไม่ต้องมีภาระผ่อนชำระกับธนาคารนานเกินไป โดยค่างวดไม่ควรเกิน 20-25% ของเงินเดือน เพื่อป้องกันสภาพคล่องทางการเงินสะดุดนั่นเอง

2.เลือกระยะเวลาผ่อนชำระให้สั้นเข้าไว้

     การเลือกระยะเวลาผ่อนชำระค่างวดรถเป็นเวลานาน มองเผิน ๆ อาจช่วยลดภาระให้คุณไม่ต้องจ่ายค่างวดแต่ละเดือนเป็นเงินจำนวนมากก็จริง แต่ก็แลกมาด้วยระยะเวลาการเสียดอกเบี้ยที่นานขึ้น ดังนั้น หากคุณอยากผ่อนรถให้หมดไวและไม่อยากเสียดอกเบี้ยเยอะ ควรเลือกระยะเวลาผ่อนชำระให้สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ รับรองว่าช่วยให้หมดหนี้ไว ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยบาน และเป็นการลดภาระหนี้ในระยะยาวได้อย่างแน่นอน

3.จ่ายยอดเงินเกินค่างวดอยู่เสมอ

     อีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้คุณผ่อนรถให้หมดไวขึ้น คือการจ่ายยอดเงินให้เกินค่างวดที่ธนาคารกำหนด หรือเรียกว่าการโปะนั่นเอง เพราะการผ่อนรถยนต์ของสถาบันการเงินหลายแห่งเป็นแบบลดต้นลดดอก หากมีโอกาส สามารถบริหารจัดการรายได้ในเดือนนั้นได้ดีแล้วนำเงินส่วนที่เหลือมาจ่ายค่างวดเพิ่ม ก็จะช่วยลดดอกเบี้ยได้จำนวนมหาศาล ยิ่งทำอย่างสม่ำเสมอทุกเดือน รถยนต์ของคุณก็จะผ่อนหมดเร็วขึ้นโดยที่เสียดอกเบี้ยน้อยลง หรือหากมีเงินก้อนเพียงพอต่อยอดเงินที่ค้างอยู่ ก็สามารถนำมาปิดบัญชีก่อนกำหนดได้เลย

ทั้งนี้ ก่อนจะจ่ายเงินเกินค่างวดหรือนำเงินก้อนมาปิดบัญชีก่อนกำหนด อย่าลืมเช็กเงื่อนไขให้ดีว่าสถาบันการเงินที่คุณยื่นกู้ อนุญาตให้จ่ายยอดเงินเกินได้หรือไม่ เพื่อจะได้วางแผนการชำระค่างวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

 

บทความ

รวมวิธีป้…

รวมวิธีป้องกันและตรวจสอบแอป ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ

     เนื่องจากมิจฉาชีพในปัจจุบัน สามารถสร้างแอปพลิเคชันที่เหมือนหรือคล้ายคลึงกับธนาคาร หรือผู้ให้บริการสินเชื่อได้ ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาแอปพลิเคชันที่ให้บริการสินเชื่อออนไลน์ แต่ไม่อยากถูกซ้ำเติมความเดือดร้อนเรื่องเงินจากการโดนมิจฉาชีพหลอก เรารวมวิธีป้องกันและตรวจสอบแอป

1. ไม่โหลดแอปที่ไม่น่าเชื่อถือ 


     อย่างที่บอกไปว่า มิจฉาชีพสามารถสร้างแอปที่มีความเหมือนหรือคล้ายคลึงกับแอปของธนาคารออกมาได้ ดังนั้น ก่อนที่คุณจะตัดสินใจดาวน์โหลดควรจะมีการอ่านรายละเอียดก่อนติดตั้งให้ดีก่อน นอกจากนี้ยังสามารถเช็กได้จากรีวิวของผู้ใช้งานแอปนั้น ๆ ก็ได้เช่นกัน 


2.
ไม่โหลดแอปจากลิงก์ หรือข้อความทาง SMS หรือ อีเมล


     อีกหนึ่งวิธีที่มิจฉาชีพใช้ในการหลอกลวงเงินก็คือ การส่งข้อความมาทาง SMS หรืออีเมล โดยมีข้อความที่ดึงดูดใจ เช่น เงินด่วนดอกเบี้ยถูก เงินด่วนไม่ต้องมีคนค้ำ ได้เงินเร็วใน 30 นาที เป็นต้น พร้อมกับแนบลิงก์ให้คุณคลิกเพื่อดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน หากคุณเจอข้อความลักษณะนี้ห้ามคลิกลิงก์เด็ดขาด เพราะธนาคารหรือสถาบันการเงินส่วนใหญ่ จะไม่มีนโยบายเสนอสินเชื่อผ่านข้อความ และลิงก์นั้นอาจทำให้มิจฉาชีพเข้าถึงเงินในบัญชีของคุณได้อย่างง่ายดาย 


3.
ไม่โหลดแอปนอก Store ทางการ (เช่น Apple Store ,Google play)


    เนื่องจากแอปที่อยู่นอก Store ทางการจะไม่ได้รับการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญ ไม่มีการบอกรายละเอียดของแอปนั้น ๆ รวมถึงไม่มีการสแกนมัลแวร์ที่อันตรายต่อข้อมูลของเรา ดังนั้น หากคุณถูกเชื้อเชิญให้โหลดแอปจากนอก Store ทางการอย่าง Apple Store หรือ Google Play ให้หยุดความคิดนั้นไว้ทันที

4. ไม่ใช้ Wi-Fi สาธารณะที่ไม่รู้จัก


     การเชื่อมต่อ Wi-Fi สาธารณะที่ไม่รู้จัก จะทำให้ข้อมูลต่าง ๆ ของคุณมีความเสี่ยงที่มิจฉาชีพจะเข้าถึงได้ง่าย เพราะเมื่อคุณเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือกับเครือข่าย Wi-Fi นั่นหมายความว่า คุณกำลังส่งข้อมูลส่วนตัวของคุณผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันมือถือ ซึ่งจะทำให้แฮกเกอร์หรือมิจฉาชีพสามารถเจาะระบบเพื่อเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้นได้


5.
ระวังการกรอกข้อมูลสำคัญ


     การสมัครสินเชื่อผ่านแอปกู้เงินถูกกฎหมาย จะมีการขอเอกสารข้อมูลยืนยันตัวตน เช่น บัตรประชาชน และเอกสารข้อมูลแสดงรายได้ เช่น สลิปเงินเดือน หรือหนังสือรับรองเงินเดือน เป็นต้น ส่วนเอกสารการเดินบัญชีหรือ Statement จะขึ้นอยู่กับสถาบันการเงินว่าต้องใช้ประกอบการพิจารณาหรือไม่ โดยผู้ขอสินเชื่อควรเซ็นสำเนาถูกต้องและระบุวัตถุประสงค์ในการใช้ข้อมูลนั้น ๆ ให้ชัดเจน หากแอปฯ นั้น ๆ มีการขอข้อมูลมากกว่าที่จำเป็น ก็ควรจะรีบทำการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของแอปฯ และผู้ให้บริการสินเชื่อในทันที


6.
จำกัดวงเงินแต่ละวัน


     แอปกู้เงินผิดกฎหมาย มักจะมีการจำกัดวงเงินในแต่ละวันอยู่ที่ 2,000-4,000 บาท เพราะมิจฉาชีพเหล่านี้รู้อยู่แล้วว่า หากเป็นคนที่เดือดร้อนเรื่องเงินจริง ๆ ไม่ว่าจะเงินเท่าไหร่ก็จะตัดสินใจกู้อยู่ดี 

บทความ

3 หลักการ…

3 หลักการ ในการแก้หนี้ให้ได้ผลยั่งยืน

การแก้หนี้ที่เหมาะสมเพื่อให้การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนบรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้ มี 3 องค์ประกอบสำคัญ คือ

1.ทำอย่างครบวงจร

       ให้เหมาะกับลักษณะและสาเหตุของปัญหาในแต่ละช่วงของการเป็นหนี้ ตั้งแต่ก่อนเป็นหนี้ กำลังจะเป็นหนี้ ระหว่างเป็นหนี้ และเมื่อประสบปัญหาการชำระหนี้ เพื่อกันปัญหาวนซ้ำเป็นงูกินหาง

2.ทำถูกหลักการ

       มีแนวทางที่เหมาะสมและเป็นธรรมกับทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ รู้ว่าอะไรควรทำ และไม่ควรทำ รวมถึงทำในเวลาที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดผลข้างเคียงหรือผลเสียในระยะยาว ดังนี้

แก้ให้ตรงจุด เพราะการทำมาตรการแบบเหวี่ยงแห/เป็นวงกว้างนานเกินไป จะทำให้สถาบันการเงินไม่สามารถนำทรัพยากรไปช่วยผู้ที่เดือดร้อนหนักกว่าได้ และต้องแก้ให้เหมาะกับสถานการณ์/ปัญหาของลูกหนี้ เช่น การให้สินเชื่อเพิ่มเพื่อแก้ปัญหารายได้ในช่วงวิกฤต แม้มีข้อดีที่ช่วยเพิ่มสภาพคล่องในระยะสั้น แต่ต้องระวังการเกิดปัญหาหนี้ที่อาจชำระไม่ได้ในระยะยาว กลายเป็นหนี้เรื้อรังหรือหนี้เสีย ทำให้เข้าถึงสินเชื่อในระบบยากขึ้น

ไม่สร้างภาระเพิ่มให้ลูกหนี้ เช่น พักชำระหนี้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน เป็นเพียงการผลักปัญหาไปในอนาคต เพราะหนี้เดิมไม่ลดและมีภาระเพิ่มจากดอกเบี้ยที่เดินอยู่ตลอดด้วย รวมถึงอาจเสียวินัยทางการเงินเพราะชินกับการไม่ต้องจ่ายหนี้และอาจก่อหนี้เพิ่ม ขณะที่เจ้าหนี้อาจมีสภาพคล่องไม่พอปล่อยสินเชื่อใหม่ หรือช่วยเหลือลูกหนี้ที่เดือดร้อนจริง ๆ

ไม่ลดโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อ เช่น ลบประวัติข้อมูลเครดิต ทำให้เจ้าหนี้ไม่มีประวัติลูกหนี้ในการพิจารณาสินเชื่อ จนไม่กล้าปล่อยกู้ ทำให้ลูกหนี้เข้าถึงสินเชื่อในระบบได้ยากขึ้น หรือหากกู้ได้ จะโดนคิดดอกเบี้ยแพง

ตั้งใจจริง เจ้าหนี้ต้องร่วมใจช่วยเหลือและแก้ปัญหาให้เหมาะกับลูกหนี้แต่ละราย และลูกหนี้ต้องลุกขึ้นมาแก้ปัญหาหนี้ ปฏิบัติตามสัญญาใหม่อย่างมีวินัย และบริหารเงินอย่างถูกต้อง

3.ต้องร่วมมือกันทุกภาคส่วน

       เพื่อแก้ปัญหาหนี้ให้ครบทุกประเภท ทั้งหนี้ที่ ธปท. กำกับดูแล ซึ่งคิดเป็น 4 ใน 5 ของหนี้ครัวเรือนในระบบ ได้แก่ หนี้ที่อยู่กับ ธพ. SFIs และนอนแบงก์ และหนี้ส่วนอื่น เช่น หนี้สหกรณ์ หนี้ กยศ. และหนี้กองทุนหมู่บ้าน รวมถึงหนี้นอกระบบ จึงต้องการความร่วมมือจากผู้กำกับดูแลหนี้ประเภทต่าง ๆ รวมทั้งภาครัฐอื่น ๆ เจ้าหนี้ภาคเอกชน และที่สำคัญตัวลูกหนี้เอง เพื่อให้การแก้หนี้เกิดขึ้นได้ครบวงจร และเห็นผลตามเป้าหมายของการแก้หนี้ให้ยั่งยืน ที่สำคัญ ต้องแก้ปัญหาจากมิติด้านรายได้ และรัฐสวัสดิการ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการเกษตร เช่น ชลประทานการเกษตร และประกันภัยพืชผล ควบคู่ด้วย 

ขอบคุณเนื้อหาดีๆจาก 3 หลักการ ในการแก้หนี้ให้ได้ผลยั่งยืน | Financial Landscape (bot.or.th)

ข่าวสารและกิจกรรม

🎉ชูเกียรต…

🎉ชูเกียรติลิสซิ่ง จัดกิจกรรมอบรมเรียนรู้ 🎉

ส่งเสริมความรู้ทางการเงินให้กับชุมชน ในโครงการ
“ชูเกียรติ อาสา”
ให้กับชุมชนบ้านนาปง
ต.ห้วยยูง อ.เหนือคลอง จ.กระบี่

บทความ

เซ็นรับรอ…

เซ็นรับรองสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน อย่างไรให้ปลอดภัย

1. ถ่ายแค่หน้าบัตรประชาชน ห้ามถ่ายหลังบัตร เพราะด้านหลังมีรหัสบัตร เลขหลังบัตร เรียกว่า Laser ID ใช้ยืนยันตัวตนในการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเงินทั้งหมดได้อยู่แล้ว

2. ขีดเส้นคร่อม 2 เส้นบนตัวบัตร แต่ห้ามขีดทับรูปหน้าเรา เนื่องจากรูปที่ถ่ายเอกสารหน้าเราจะไม่ชัดอยู่แล้ว ถ้าขีดเส้นทับจะทำให้การยืนยันตัวตนยากขึ้น ขีดทับข้อมูลสำคัญ ๆ เพื่อให้การแอบอ้างหรือปลอมแปลงยากขึ้นเท่านั้นเอง

3. ให้เขียนว่า “ใช้สำหรับ….เท่านั้น” ระหว่างเส้นคร่อมตามภาพได้เลย ในช่องว่างเราสามารถใส่วัตถุประสงค์การนำไปใช้งานของเราให้ชัดเจน เช่น ใช้สำหรับสมัครงานเท่านั้น, ใช้สำหรับยืนยันตัวตนในการฉีดวัคซีนเท่านั้น ฯลฯ เพื่อที่มิจฉาชีพจะได้ไม่สามารถนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์

4. เมื่อเขียนวัตถุประสงค์ที่ใช้แล้ว อย่าลืมเขียนสัญลักษณ์ * หรือ # ปิดหัว-ท้าย เพื่อป้องกันการเติมข้อความ

5. เขียน วัน/เดือน/ปี ที่เซ็นลงไป เพราะถ้าเราไม่เขียน มิจฉาชีพจะสามารถเอาเอกสารของเราที่เราอาจจะเคยทิ้งไปนานจนลืมแล้ว กลับมาใช้ได้

6. เขียน “สำเนาถูกต้อง” พร้อมกับเซ็นชื่อของตัวเอง โดยวิธีเซ็นที่ปลอดภัยคือเซ็นทับไปบนบัตรได้เลย

ตัวอย่างการเซ็นรับรองสำเนาที่ถูกต้อง

บทความ

สีครุฑบนโ…

สีครุฑบนโฉนด บ่งบอกอะไร

1. ครุฑแดง (น.ส.4)

ส่วนใหญ่โฉนดในเมืองจะเป็นครุฑแดงครับ เป็นโฉนดที่สามารถซื้อขาย โอน หรือจำนองก็ได้ โดยเจ้าของโฉนดครุฑแดงนี้ ผู้ถือครองมีกรรมสิทธิ์ 100% ที่จะใช้ จะทำกิน จะอยู่อาศัย หรือจะทำอะไรก็ได้เต็มที่ครับ แต่สิทธิ์ของที่ดินจะหมดลงหากถูกครองครองปรปักษ์ติดต่อกัน 10 ปี โดยที่ดินครุฑแดงใช้ยื่นขอสินเชื่อสมหวัง โฉนดแลกเงินได้

2.ครุฑเขียว (น.ส.3 ก.)

ครุฑสีเขียวเป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ยังไม่ใช่โฉนดที่ดิน ทำให้ยังไม่เป็นกรรมสิทธิ์เท่าคนถือโฉนดครุฑแดง แต่ทว่าคุณสมบัติใกล้เคียงกับโฉนด ซื้อ ขาย จำนองธนาคารได้ ถูกต้องตามกฎหมาย แต่สิทธิ์ของที่ดินจะหมดลงหากถูกครองครองปรปักษ์ติดต่อกัน 1 ปี แต่ในอนาคตสามารถยื่นเรื่องเปลี่ยนเป็นโฉนดครุฑแดงได้ที่สำนักงานที่ดินจังหวัด

3.ครุฑดำ (น.ส. 3 /น.ส.3 ข.)

มาถึงครุฑสีดำเป็นหนังสือรับรองที่แสดงถึงสิทธิ์การครอบครองเป็นเจ้าของ มีสิทธิทำประโยชน์ก็จริง แต่การครอบครองยังไม่รับรองอย่างเป็นทางการ เพราะครุฑดำยังมีขนาดที่ดินไม่ชัดเจน ถ้าซื้อ ขาย โอน จำนองจะต้องรังวัดที่ดิน และรอประกาศจากราชการ 30 วัน แต่ไม่ต้องกังวลครับ เราสามารถยื่นเรื่องเปลี่ยนเป็นโฉนดที่ดินได้ ซึ่งครุฑดำจะมีความแตกต่างอยู่ 2 อย่างครับ คือ ครุฑดำ น.ส. 3 ออกโดยนายอำเภอท้องที่ ส่วนครุฑดำแบบ น.ส.3 ข. เจ้าหน้าที่ที่ดินจะเป็นผู้ออกให้ โดยสิทธิ์ของที่ดินครุฑดำ จะหมดลงหากถูกครองครองปรปักษ์ติดต่อกัน 1 ปีเช่นเดียวกับครุฑสีเขียวเลย

4.ครุฑสีน้ำเงิน (ส.ป.ก.4-01)

ในส่วนครุฑสีน้ำเงิน หรือ ส.ป.ก.4-01 บางคนก็เรียกกันว่าเป็น ที่ดินส.ป.ก. ครับ เป็นเอกสารที่ดินอนุญาตให้ทำการเกษตรเท่านั้น ซึ่งจะออกให้กับเกษตกร โดยครอบครัวละไม่เกิน 50 ไร่ และเอกสารครุฑสีน้ำเงิน ยังมีข้อห้าม คือ ไม่ให้ซื้อ ขาย โอน ห้ามให้เช่า หรือให้ผู้อื่นใช้ประโยชน์ในที่ดินนั้น

พูดง่าย ๆ ที่ดินส.ป.ก. จะต้องทำประโยชน์ที่ดินด้วยตนเอง และสามารถสร้างบ้าน ก่อสร้างได้ตามสมควร

ที่ดินส.ป.ก. เป็นมรดกตกทอดได้ โดยจะให้ทายาทเจ้าของสิทธิ์เท่านั้น ซึ่งจะต้องเป็นเกษตรกรที่จะประกอบอาชีพเกษตรกรเป็นหลักเท่านั้น และที่ดินประเภทนี้ไม่สามารถแย่งการครอบครองได้

บทความ

ราคาประเม…

ราคาประเมินที่ดิน คืออะไร

         ราคาประเมินที่ดิน คือ ราคากลางของที่ดินที่ประเมินจากเกณฑ์มาตรฐานต่าง ๆ ได้แก่ ราคากลางจากกรมธนารักษ์ ราคาตลาด และปัจจัยเสริมอื่น ๆ เช่น ขนาด ทำเล สภาพ ฯลฯ ซึ่งทำการประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญที่เป็นเจ้าหน้าที่ของธนาคารและบริษัทเอกชน เอาไว้ใช้สำหรับพิจารณาวงเงินกู้ของสถาบันนการเงินต่าง ๆ และเป็นแนวทางในการกำหนดราคาที่ดินแต่ละแห่ง ทั้งนี้ราคาประเมินที่ดินนั้นอาจมีความแตกต่างกับราคาตลาดและราคาซื้อ-ขายที่ดินที่เกิดจากการตกลงระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย

ใครบ้างเป็นผู้กำหนด "ราคาประเมินที่ดิน"

     ในการซื้อขายที่ดิน จะมี “ราคาประเมินที่ดิน” ด้วยกัน 3 ราคา คือ 1. ราคาประเมินที่ดินของภาคราชการ 2.ราคาประเมินที่ดินของภาคเอกชน และ 3.ราคาตลาด
    ยกตัวอย่างเช่นราคาประเมินที่ดินของภาคราชการ ก็คือ ราคาประเมินที่ดินของกรมธนารักษ์ ซึ่งกรมธนารักษ์จะกำหนดทั้งราคาประเมินที่ดิน และราคาประเมินที่ดินที่มีสิ่งปลูกสร้างด้วย
บทความ

ทำความรู้…

ทำความรู้จัก Easy E-Receipt

      Easy e-Receipt คือ โครงการลดหย่อนภาษีประจำปี 2567 ที่กรมสรรพากรกำหนดให้ผู้มีเงินบุคคลธรรมดา สามารถนำใบกำกับภาษีในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือที่เรียกกันว่า e-Tax Invoice และ e-Receipt ของการซื้อสินค้าและบริการจากร้านค้าที่จดทะเบียนในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อใช้ลดหย่อนภาษีในปีภาษี 2567 โดยจำนวนเงินสูงสุดที่สามารถนำมาลดหย่อนได้คือ 50,000 บาท จะไม่สามารถใช้ใบกำกับภาษีในรูปแบบกระดาษได้
      ส่วนสำหรับการซื้อหนังสือ อีบุ๊ก และสินค้า OTOP ที่ไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม จะให้ใช้ใบรับอิเล็กทรอนิกส์แทนใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ได้

ส่วนสินค้าที่นำมาลดหย่อนไม่ได้ ประกอบด้วย

1. สุรา เบียร์ ไวน์ ยาสูบ

2.ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับยานพาหนะ

3.ค่าซื้อยานพาหนะประเภทต่าง ๆ คือ รถจักรยานยนต์ รถยนต์ และเรือ

4.ค่าสาธารณูปโภคพื้นฐาน ทั้งค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าบริการโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต

5.ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย

6.ค่าบริการที่มีข้อตกลงการให้บริการระยะยาว ซึ่งมีระยะเวลาเริ่มต้นก่อนวันที่ 1 มกราคม หรือสิ้นสุดหลังวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567

บทความ

ข้อคิดก่อ…

ข้อคิดก่อนตัดสินใจกู้เงิน

เชื่อแน่ว่าเราทุกคนต่างก็ไม่ได้อยากเป็นหนี้กันทั้งนั้น แต่บางครั้งหากจำเป็นจริงๆ การเป็นหนี้ก็ไม่ได้ถือเป็นเรื่องเลวร้าย ในทางตรงกันข้ามมันอาจจะเป็นการลงทุนกับปัจจุบันเพื่ออนาคตที่ดีขึ้นก็ได้ ถึงอย่างไรก็ตามก่อนจะกู้เงินเราต้องคิดพิจารณาให้ดีเสียก่อน และต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนเท่านี้เราก็กู้เงินได้อย่างสบายใจ

1. ความสามารถในการผ่อนชำระ

    หากเรามีหนี้มากก็ต้องเสียดอกเบี้ยจำนวนมาก และถ้าภาระหนี้ที่ต้องผ่อนจ่ายในแต่ละงวดมากเกินกำลังชำระหนี้ของเราก็อาจไม่มีเงินไปจ่ายตามกำหนด หรือที่เรียกว่าเกิดการผิดนัดชำระหนี้ซึ่งเราอาจต้องจ่ายดอกเบี้ยในอัตราดอกเบี้ยกรณีผิดนัดซึ่งแพงกว่าดอกเบี้ยผิดปกติ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ

    ดังนั้น สิ่งที่ควรจำให้ขึ้นใจทุกครั้งก่อนตัดสินใจเป็นหนี้ ก็คือควรพิจารณาว่าเรามีความสามารถในการผ่อนชำระมากน้อยแค่ไหน

2. ประเภทสินเชื่อ

     สินเชื่อมีหลากหลายประเภท มีลักษณะและวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน เราจึงควรพิจารณาประเภทของสินเชื่อที่เหมาะกับความจำเป็นในการใช้เงินของเรา ซึ่งสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากสถาบันการเงินต่างๆ ที่ให้บริการด้านสินเชื่อ

3. อัตราดอกเบี้ย และวิธีการคิดดอกเบี้ย

     อัตราดอกเบี้ยที่ใช้ และวิธีการคำนวณดอกเบี้ยของสถาบันการเงินแต่ละแห่งอาจแตกต่างกัน ดังนั้นควรศึกษาข้อมูลอัตราดอกเบี้ยและวิธีคิดอัตราดอกเบี้ยว่าสถาบันการเงินที่เราสนใจจะใช้บริการ

เพื่อนำมาใช้เป็นข้อมูลเปรียบเทียบประกอบการตัดสินใจ
     เราสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากผู้ให้บริการสินเชื่อ หรือหากต้องการเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย หรือค่าธรรมเนียมที่สำคัญก็สามารถตรวจสอบรายละเอียดได้จากเว็บไซต์ของธนาคารแห่งประเทศไทย

     ถึงอย่างไรก็ตามก่อนจะกู้เงินเราต้องคิดพิจารณาให้ดีเสียก่อน และต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนรวมถึงพยายามรู้ให้เท่าทันสถาบันการเงิน

บทความ

สัญญาณบ่ง…

สัญญาณบ่งบอกว่าคุณกำลังมีปัญหาทางการเงิน

1.ใช้รายได้มากกว่า 45% ไปจ่ายชำระหนี้

       คุณต้องนำเงินรายได้ที่ได้รับในแต่ละเดือนนั้นมาชำระหนี้จนทำให้ในแต่ละเดือนเงินแทบจะไม่มีติดกระเป๋า บางครั้งถึงกับเงินขาดมือไปเลยก็มี

2. ไม่มีเงินเก็บในบัญชีเลยสักบาท

       เงินของคุณส่วนใหญ่ที่หามาได้ หมดไปกับการจ่ายหนี้ที่เรียกเก็บในทุกๆ เดือน และหากหยิบยืมใครไม่ได้ ก็ต้องนำเงินเก็บมาใช้ก่อนจนหมด

3.ใช้บัตรเครดิตผ่อนทุกอย่าง แม้กระทั่งค่าอาหาร

      คุณไม่มีเงินเหลือที่จะนำมาใช้จ่ายประจำวัน ในเมื่อเงินก็ไม่มีเหลือเก็บ การใช้บัตรเครดิตจึงเป็นทางออกที่ง่ายกว่าการหยิบยืมเงินคนรอบข้าง

4. ชำระบัตรเครดิตขั้นต่ำทุกเดือน

       การจ่ายขั้นต่ำจะทำให้หนี้ที่มีอยู่ของคุณนั้นไม่มีมีวันหมดไปได้ง่ายๆ ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้คุณเข้าสู่วงจรความยากจนเข้าไปทุกที

5.ไม่มีเงินสำรองสำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉิน

       หลายคนไม่ได้คำนึงถึงเหตุการณ์ฉุกเฉินมาก่อน เมื่อตนเองหรือสมาชิกในครอบครัวเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุ และคุณไม่มีเงินเพียงพอ จนต้องหยิบยืมคนอื่นมาใช้จ่ายเฉพาะหน้า