บัญชีกระแ…

บัญชีกระแสรายวันคืออะไร?

        บัญชีกระแสรายวัน (Current Account) เป็นประเภทของบัญชีธนาคารที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้บ่อยครั้ง เช่น การฝาก ถอน หรือโอนเงิน โดยไม่มีข้อจำกัดในการทำธุรกรรมในแต่ละวัน ซึ่งต่างจากบัญชีออมทรัพย์ที่เน้นการเก็บเงินและได้ดอกเบี้ยจากเงินที่ฝากไว้ บัญชีกระแสรายวันไม่มีกำหนดระยะเวลาการฝาก และมักจะไม่ให้ดอกเบี้ยเหมือนบัญชีออมทรัพย์ แต่เหมาะสมสำหรับการทำธุรกรรมที่ต้องการความคล่องตัวสูง

คุณสมบัติของบัญชีกระแสรายวัน

  1. การทำธุรกรรมบ่อยครั้ง
    บัญชีกระแสรายวันเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทำธุรกรรมทางการเงินบ่อย เช่น การโอนเงิน การถอนเงินสด หรือการชำระเงินต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายรายวัน หรือธุรกิจที่มีการหมุนเวียนทางการเงินสูง
  2. ไม่มีดอกเบี้ย
    โดยปกติแล้ว บัญชีกระแสรายวันจะไม่มีดอกเบี้ยให้เหมือนกับบัญชีออมทรัพย์ นั่นหมายความว่าเงินที่ฝากในบัญชีจะไม่สร้างรายได้จากดอกเบี้ย แต่ก็มีความสะดวกสบายในการใช้จ่าย
  3. เช็คและบัตรเดบิต
    บัญชีกระแสรายวันมักจะมาพร้อมกับบริการเช็ค (Cheque) ที่สามารถใช้ในการจ่ายเงิน หรือการตั้งรายการหักบัญชีอัตโนมัติ เช่น การหักค่าบริการรายเดือน นอกจากนี้ยังสามารถออกบัตรเดบิตที่สามารถใช้ถอนเงินจากตู้ ATM หรือใช้จ่ายสินค้าและบริการได้
  4. ไม่มีข้อจำกัดในการฝากถอน
    ในการใช้งานบัญชีกระแสรายวันนั้น ผู้ฝากสามารถฝากและถอนเงินได้ตามต้องการ โดยไม่มีข้อจำกัดในจำนวนครั้งที่ทำธุรกรรมในแต่ละวัน ซึ่งเหมาะสำหรับการทำธุรกรรมที่ต้องการความสะดวกและรวดเร็ว
  5. เหมาะสำหรับธุรกิจและองค์กร
    บัญชีกระแสรายวันมักถูกเลือกใช้โดยธุรกิจและองค์กรต่างๆ เนื่องจากสามารถบริหารจัดการการเงินขององค์กรได้ง่ายขึ้น เช่น การรับชำระเงินจากลูกค้า การจ่ายเงินเดือนพนักงาน หรือการชำระค่าสินค้าและบริการต่างๆ

สรุป

        บัญชีกระแสรายวันเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยให้การทำธุรกรรมทางการเงินสะดวกและรวดเร็ว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคล่องตัวในการฝาก ถอน โอนเงิน หรือทำธุรกรรมต่างๆ โดยไม่มีข้อจำกัดในจำนวนครั้งที่ทำธุรกรรมในแต่ละวัน แม้ว่าจะไม่มีดอกเบี้ยจากเงินฝาก แต่ก็เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความยืดหยุ่นและสะดวกสบายในชีวิตประจำวันหรือธุรกิจที่ต้องการจัดการการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ

Easy E-Re…

Easy E-Receipt คืออะไร

       โครงการ Easy E-Receipt เดิมคือโครงการ e-Refund/ช้อปดีมีคืน ซึ่งเป็นมาตรการภาษีของรัฐบาลที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือประชาชนและร้านค้าที่เข้าร่วมออก ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax invoice)   โครงการนี้ช่วยให้ประชาชนสามารถนำ ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ไปใช้ในการ ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ได้ นอกจากนี้ยังช่วยส่งเสริมให้ร้านค้าเข้าสู่ระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกในการจัดการภาษีและลดภาระในการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเสียภาษี โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบมาตรการ Easy E-Receipt เพื่อสนับสนุนการบริโภคในประเทศ และช่วยเหลือผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษี รวมถึงส่งเสริมการผลิตสินค้าท้องถิ่นให้เติบโตต่อไป

เงื่อนไข และ ข้อกำหนด

  • ต้องเป็นผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 

  • ได้รับภาษีคืนจากการจับจ่ายสินค้าและบริการมูลค่ารวมไม่เกิน 50,000 บาท
    จากร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษี และเฉพาะที่ออกใบกำกับภาษีในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์

  • ผู้ซื้อสินค้าและบริการ ต้องใช้ e-Tax หรือ e-Receipt มาลดหย่อนภาษีงินได้บุคคลธรรมดา

  • ตรวจสอบระยะเวลาโครงการจากภาครัฐ 

ข้อปฏิบัติที่ถูกต้อง สำหรับผู้ออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้ผู้ซื้อไม่เสียสิทธ์ในการทำ Easy E-Receipt

  1. ใบกำกับภาษีในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ได้ทั้งเงินสดและเงินเชื่อ และอยู่ในใบกำกับภาษีในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ทั้งเงินสดและเงินเชื่อ (เช่น ใบกำกับภาษี/ใบรับเงิน หรือ ใบกำกับภาษี/ใบแจ้งหนี้ ก็ได้)
  2.  วันที่ในใบกำกับภาษีและวันที่ลงลายมืออิเล็กทรอนิกส์ จะต้องอยู่ภายในระยะเวลาที่โครงการกำหนด
  3. นำส่งข้อมูลให้กรมสรรพากรก่อนวันที่ 15 ของรอบเดือนภาษี เท่านั้น

** กรณีออกใหม่ทดแทนใบเดิม วันที่ออกใหม่ทดแทน ต้องอยู่ภายในระยะเวลาโครงการกำหนด **
**
เงื่อนไขอื่น ๆ เป็นไปตามที่กรมสรรพากรกำหนด **

สินค้าและบริการที่ยกเว้น ไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษี ตามมาตรการ Easy E-Receipt ได้

  1. สุรา เบียร์ และไวน์
  2. ยาสูบ
  3. รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ
  4. ค่าน้ำมัน และก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ
  5. ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าบริการสัญญาณโทรศัพท์ ค่าบริการสัญญาณอินเทอร์เน็ต
  6. ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย

ข้อมูลอ้างอิง : https://www.rd.go.th

การดูแลรถ…

7 ขั้นตอนการดูแลรถยนต์หลังจากเดินทางไกล

  1. การทำความสะอาดรถยนต์
         การดูแลรักษารถยนต์เริ่มต้นด้วยการทำความสะอาดภายนอกและภายในของรถ การล้างรถให้สะอาดและการดูดฝุ่นภายในรถเป็นสิ่งที่ควรทำหลังจากการเดินทางไกล เนื่องจากระหว่างการเดินทางอาจมีสิ่งสกปรก เช่น ฝุ่น ควัน และมลพิษที่เกาะติดตัวรถ รวมทั้งกลิ่นภายในที่อาจเกิดจากอาหารหรือสิ่งอื่นๆ ดังนั้นการทำความสะอาดทั้งภายนอกและภายในจะช่วยให้คุณเริ่มต้นวันใหม่ได้อย่างสดชื่น

  2. การตรวจสอบลมยาง
         การตรวจสอบแรงดันลมยางเป็นสิ่งสำคัญหลังการเดินทางไกล เนื่องจากความร้อนที่เกิดขึ้นจากการขับขี่ระยะทางไกลอาจทำให้ลมยางลดลง ซึ่งอาจทำให้การขับขี่ไม่ปลอดภัยและทำให้การสิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้น ดังนั้น ควรตรวจสอบและเติมลมยางให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

  3. การตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็น
         การตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลรักษาเครื่องยนต์ เพราะความร้อนที่เกิดขึ้นอาจทำให้เครื่องยนต์เกิดความเสียหายได้ การตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นและการเช็คความร้อนของเครื่องยนต์เป็นการป้องกันปัญหา หากระดับน้ำหล่อเย็นลดลงมาก ควรเติมเพิ่มเติมหรือหากพบระดับน้ำต่ำเกินไปควรนำรถไปตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุที่อาจเกิดการรั่วไหล

  4. การตรวจสอบห้องเครื่องยนต์
         การตรวจสอบห้องเครื่องเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญ โดยจะต้องตรวจสอบของเหลวต่างๆ เช่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก น้ำหล่อเย็น และท่อต่างๆ โดยดูว่าไม่มีของเหลวรั่วไหล และตรวจสอบให้ระดับของเหลวอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมตามที่คู่มือแนะนำ

  5. การตรวจสอบระบบไฟฟ้า
         การตรวจสอบระบบไฟฟ้าภายในรถ เช่น ไฟหน้า ไฟท้าย และไฟเลี้ยว เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อขับขี่ในระยะทางไกลหรือขับในสภาพอากาศฝนตก เพื่อให้แน่ใจว่าไฟทุกดวงยังคงทำงานตามปกติ การที่ไฟไม่ทำงานอาจสร้างความเสี่ยงในการขับขี่ได้

  6. การตรวจสอบไส้กรองอากาศ
         ไส้กรองอากาศภายในห้องเครื่องยนต์ควรได้รับการตรวจสอบและทำความสะอาดเป็นระยะ หากพบว่ามีสิ่งสกปรกหรืออุดตันในไส้กรองอากาศ จะทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้น กินน้ำมันมากขึ้น และมีอุณหภูมิสูงขึ้น ดังนั้นควรทำการเปลี่ยนไส้กรองเมื่อจำเป็น

  7. การตรวจสอบระบบเบรก
         ระบบเบรกเป็นส่วนสำคัญในการดูแลรักษารถยนต์ หลังจากเดินทางไกล ควรทดสอบการทำงานของระบบเบรก เช่น การเบรกไม่จม, การเบรกไม่มีเสียงผิดปกติ หรือระยะเบรกที่เพิ่มขึ้น หากพบอาการผิดปกติ ควรนำรถไปตรวจสอบและซ่อมแซม

ทำไมจึงควรหลีกเลี่ยงการเปิดฝากระโปรงหลังเดินทางไกลทันที?
      เนื่องจากภายในห้องเครื่องมีความร้อนสะสมอยู่สูง การฉีดน้ำล้างหรือระบายความร้อนทันทีอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่ส่วนประกอบของเครื่องยนต์ได้ ดังนั้นควรจอดรถให้สนิทและเปิดฝากระโปรงทิ้งไว้เพื่อให้ความร้อนระบายออกไปจนหมดก่อนที่จะทำการล้างหรือทำความสะอาด

เอกสารปลอ…

เอกสารปลอมอย่าใช้ ผิดกฎหมาย

   

         การปลอมแปลงเอกสารทั้งฉบับหรือส่วนหนึ่งส่วนใด เติมหรือตัดทอนข้อความ แก้ไข ประทับตราปลอม หรือลงลายมือชื่อปลอมในเอกสาร โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน หากได้กระทำเพื่อให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง ถือว่าผู้นั้นกระทำความผิดฐานปลอมเอกสาร มีความรับผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ดังนี้

         ผู้ที่ทำเอกสารปลอม มีความผิดฐานทำเอกสารปลอม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

– หากเอกสารที่ปลอมขึ้นมา เป็นเอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการ เช่น หนังสือสัญญากู้ยืมเงิน สัญญาซื้อขาย และสัญญาเช่า ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000 – 100,000 บาท

– หากเอกสารที่ปลอมขึ้นมา เป็นเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ เช่น โฉนดที่ดิน สัญญาจดทะเบียน และพินัยกรรม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 – 10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 – 200,000 บาท

– การแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

         สำหรับผู้ที่ใช้เอกสารปลอม กรณีมีการอ้างหรือใช้เอกสารที่ปลอมขึ้นตามมาตรา 264 มาตรา 265 มาตรา 266 หรือมาตรา 267 ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้นๆ

         ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนได้รับความเสียหายจากการใช้เอกสารปลอม หรือพบเบาะแสว่าทีบุคคลใดรับจ้างทำเอกสารปลอม สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้ที่สถานีตำรวจทุกแห่งทั่วประเทศ หรือโทรสายด่วน 191 และสายด่วน 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

เคล็ดลับจ…

เคล็ดลับจัดระเบียบเงิน แยกบัญชีธุรกิจให้ปัง บัญชีส่วนตัวไม่พัง

           การแยกบัญชีส่วนตัวและบัญชีธุรกิจเปรียบเสมือนการสร้าง “ตัวตน” ทางการเงิน บัญชีส่วนตัว คือ ตัวตนในชีวิตประจำวัน ใช้จ่ายเพื่อส่วนตัว ในขณะที่บัญชีธุรกิจ คือ ตัวตนในโลกธุรกิจ รายรับ รายจ่ายเพื่อทำธุรกิจและการเติบโต เมื่อแยกบัญชีออกจากกันจะสามารถมองเห็นภาพรวมทางการเงินได้ชัดเจนยิ่งขึ้น รู้ที่มาของเงิน เงินส่วนไหนควรใช้จ่ายอย่างไร และเงินส่วนไหนควรเก็บออมเพื่ออนาคต

ประโยชน์ของการแยกบัญชีรายรับรายจ่ายระหว่างส่วนตัวและงาน

1.ทำให้เห็นภาพรวมทางการเงินของตัวเองที่ชัดเจนขึ้น ว่ามีรายได้จากการทำงานจากแหล่งต่าง ๆ เท่าไหร่ มีค่าใช้จ่ายส่วนตัวและค่าใช้จ่ายเพื่อการทำงานแต่ละรายการเป็นอย่างไร

2.ทำให้สามารถประเมินความสามารถในการทำกำไรของตัวเองได้ว่าการรับงานนั้นมีต้นทุน ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ กำไรที่ได้คุ้มค่ากับเวลาและความเสี่ยงหรือไม่ เพื่อใช้ในการกำหนดค่าบริการที่เหมาะสม

3.ทำให้วางแผนและจัดสรรเงินสำหรับอนาคตได้ดียิ่งขึ้น เช่น การแบ่งส่วนกำไรไว้สำหรับการลงทุนเพิ่ม หรือเก็บเป็นเงินสำรองยามฉุกเฉิน หากไม่มีงานเข้ามา

4.ใช้เป็นหลักฐานในการคำนวณและยื่นภาษีเงินได้ประจำปี เพื่อให้การเสียภาษีเป็นไปอย่างถูกต้องและครบถ้วน ลดความเสี่ยงที่จะผิดพลาดและมีหลักฐานพร้อมไว้หากถูกเรียกตรวจสอบภาษี

5.สร้างวินัยทางการเงินและความมีเหตุผลในการใช้จ่าย เพราะเมื่อมีการแยกเงินในส่วนของงานออกมา ทำให้เห็นข้อมูลชัดเจน และช่วยให้ใช้จ่ายเงินส่วนตัวอย่างระมัดระวังมากขึ้น

กฎหมายบัง…

กฎหมายบังคับติด GPS Tracking รถบรรทุกคืออะไร

       GPS หรือ Global Positioning System คือเครื่องบันทึกข้อมูลการเดินของรถว่ารถเคลื่อนที่ไป ณ ตำแหน่งใดบ้างของโลกใบนี้ การติดตั้ง GPS Tracking จึงจะช่วยติดตามพฤติกรรมของรถบรรทุกสิบล้อคันนั้นแบบเรียลไทม์ว่าไปที่ใดของประเทศไทย มีความเร็วเท่าไหร่ในการขับรถกี่กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยการติด GPS ให้รถบรรทุกจะช่วยแก้ปัญหาได้

ติด GPS Tracking ช่วยควบคุมความเร็วของรถบรรทุก

       สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุไม่ว่าจะเป็นรถประเภทอะไรคือ “ความเร็วในการขับขี่” รถบางคันเหยียบความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดหรือป้ายบอกความเร็วเขียนกำกับเอาไว้ เมื่อเข้าไปในเขตชุมชนหรือเขตโรงเรียนที่มีชาวบ้านอาศัยอยู่ พอเกิดอุบัติเหตุความเสียหายก็เยอะ เพราะรถบรรทุกเป็นรถคันใหญ่

หากคิดว่าถ้าขับรถชนก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเพราะมีประกันรถบรรทุกคอยจ่ายค่าเสียหายให้อยู่แล้ว นั่นก็เป็นเรื่องจริง แต่จะดีกว่ามากถ้าคนขับรถบรรทุกขับรถบรรทุกตามที่กฎหมายกำหนด หรือลดความเร็วเมื่อเข้าสู่เขตชุมชน การติดตั้ง GPS Tracking เพื่อควบคุมความเร็ว จึงแก้ปัญหาเรื่องการลดอุบัติเหตุได้ดีอีกวิธีหนึ่ง

ติด GPS รถบรรทุก รู้ความเคลื่อนไหวของรถบรรทุก

       คำว่า GPS คือการบอกตำแหน่ง ดังนั้น จะทำให้คุณรู้ว่าขณะนี้รถบรรทุกกำลังอยู่ในจุดใดของประเทศไทย ดังนั้น การติดตั้ง GPS Tracking รถบรรทุกจึงช่วยแก้ปัญหาที่ว่า ถ้าเกิดรถบรรทุกสิบล้อขนอ้อย รถบรรทุกขนมันสำปะหลังโดนโจรกรรมไปกลางทางนั่นเอง

       อย่าคิดว่าโดนขโมยรถ รถหาย จะเกิดขึ้นแค่ในรถยนต์อย่างเดียวนะครับ การโจรกรรมรถบรรทุกสิบล้อก็สามารถเกิดขึ้นได้จริงในประเทศไทย ดังนั้น การติด GPS Tracking รถบรรทุก เลยจะช่วยติดตามตำแหน่งแบบเรียลไทม์ได้เป็นอย่างดี ช่วยให้คุณตามจับโจรที่โจรกรรมรถไปได้ง่ายขึ้น

กฎหมายบังคับติดตั้ง GPS Tracking รถบรรทุก ฝ่าฝืนโดนค่าปรับ!

       เมื่อมนุษย์อยู่กันเป็นสังคม การอยู่เป็นสังคมก็ต้องมีกฎหมายเพื่อควบคุมพฤติกรรม ดังนั้น กฎหมายบังคับให้ติดตั้ง GPS Tracking รถบรรทุกจึงเป็นสิ่งที่คนขับรถบรรทุกหรือเจ้าของรถบรรทุกต้องทำตาม นั่นก็เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคัน ถ้าฝ่าฝืนมีโทษปรับตามกฎหมาย พ.ร.บ.ขนส่งทางบก พ.ศ.2522 โดยจะแบ่งออกเป็น 2 กรณีคือ คนขับรถบรรทุก และเจ้าของกิจการรถบรรทุก ดังนี้

คนขับรถบรรทุกไม่ส่งข้อมูล GPS Tracking รถบรรทุก

       ถ้าคนขับรถบรรทุกไม่ส่งข้อมูล GPS Tracking ของรถบรรทุกให้กับกรมการขนส่งทางบก มีความผิดตาม พ.ร.บ.ขนส่งทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 102 และมาตรา 127 เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ว่าด้วยความปลอดภัยในการขนส่งมีโทษปรับ 1,000-5,000 บาท

       หากมีการใช้งานเครื่องตัดสัญญาณหรือรบกวนสัญญาณ GPS ติดรถบรรทุกทำให้ไม่สามารถติดตามตำแหน่งรถบรรทุกได้จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ.2558 มาตรา 6 และมาตรา 23 มีโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 5 ปีหรือทั้งจำทั้งปรับ

เจ้าของกิจการไม่ติดตั้ง GPS Tracking รถบรรทุกมีโทษปรับ

       สำหรับเจ้าของกิจการรถบรรทุกหากฝ่าฝืนการติดตั้ง GPS Tracking รถบรรทุกมีโทษปรับเช่นเดียวกัน โดยมีความผิดตาม พ.ร.บ.ขนส่งทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 35 และมาตรา 131 เนื่องจากไม่ติดตั้งเครื่อง GPS ติดตามตำแหน่งรถบรรทุกสร้างเป็นการความไม่ปลอดภัย มีโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือถูกพิจารณาให้พักการใช้งานหรือยกเลิกใบขับขี่รถบรรทุกได้อีกด้วย

สัญญาณเตื…

สัญญาณเตือนว่าคุณกำลังเป็นหนี้เกินตัว

ชำระหนี้ขั้นต่ำไม่ไหว: หากคุณต้องใช้เงินส่วนอื่นมาจ่ายหนี้บัตรเครดิต หรือหนี้สินอื่นๆ แสดงว่าคุณอาจกำลังเป็นหนี้เกินตัว

ไม่มีเงินเก็บสำรอง: การไม่มีเงินเก็บสำรองไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าคุณอาจกำลังเผชิญปัญหาทางการเงิน

เครียดและกังวลเรื่องหนี้สิน: หากหนี้สินทำให้คุณรู้สึกเครียด กังวล และส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เช่น นักวางแผนการเงิน เพื่อขอคำแนะนำ

        การเป็นหนี้ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป แต่การบริหารจัดการหนี้ให้ดีเป็นสิ่งสำคัญ หากคุณวางแผนการเงินอย่างรอบคอบ และเลือกประเภทของหนี้ให้เหมาะสม การเป็นหนี้ก็สามารถเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายในชีวิตได้

7 เคล็ดลั…

7 เคล็ดลับบริหารหนี้ให้อยู่ในเซฟโซน

     หลายคนอาจมองว่าการเป็นหนี้เป็นเรื่องน่ากลัว แต่จริงๆ แล้ว การเป็นหนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตจะต้องลำบาก หรือ เลวร้ายเสมอไป ถ้าเราเข้าใจหลักการและบริหารจัดการหนี้ได้อย่างถูกต้อง การเป็นหนี้ก็สามารถกลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายในชีวิตได้มากขึ้นเช่นกัน 

1.วางแผนการเงินอย่างรอบคอบ: ก่อนตัดสินใจกู้เงิน ควรวางแผนการเงินอย่างละเอียดว่าจะนำเงินที่กู้มาใช้ทำอะไร และจะสามารถชำระหนี้ได้เมื่อไหร่

2.เลือกประเภทของหนี้ให้เหมาะสม: หนี้อุปโภคบริโภค เช่น หนี้บัตรเครดิต อาจมีดอกเบี้ยสูงและสร้างภาระทางการเงินได้มาก หากจำเป็นต้องก่อหนี้ ควรเลือกใช้หนี้ประเภทสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ เช่น สินเชื่อที่ดิน หรือ  สินเชื่อรถยนต์ 

3.เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไข: ก่อนตัดสินใจทำสัญญา กู้เงิน ควรเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขของแต่ละสถาบันการเงิน เพื่อเลือกข้อเสนอที่ดีที่สุด

4.ชำระหนี้ตรงเวลา: การชำระหนี้ตรงเวลาเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยลดภาระดอกเบี้ยและสร้างประวัติเครดิตที่ดี 

5.สร้างรายได้เพิ่มเติม: หากรู้สึกว่าภาระหนี้มากเกินไป ควรหาทางเพิ่มรายได้เข้ามา เช่น ทำงานพิเศษ หรือลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ

6.ไม่กู้เงินเกินความจำเป็น: ควรกู้เงินในจำนวนที่พอเหมาะกับกำลังทรัพย์ และสามารถชำระคืนได้อย่างสบาย

7.ก่อนจะ safe ต้อง save ก่อน: หากจะเป็นหนี้ให้อยู่ใน Safe Zone ก็ต้องรู้จักการ SAVE หรือ การเก็บออมเสียก่อน เพราะการมีเงินสำรองคือการสร้างกำแพงคุ้มกันให้ชีวิตทางการเงินของคุณ และถึงแม้จะมีหนี้อยู่แต่คุณก็ยังสามารถเก็บออมได้แค่บริหารเงินให้เป็น

ค่าเสียหา…

ค่าเสียหายส่วนแรก คืออะไร

       ค่าเสียหายส่วนแรก คือ จำนวนเงินที่ผู้ใช้รถต้องรับผิดชอบเองในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ โดยจะมีการระบุเงื่อนไขการบังคับเก็บค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไว้อย่างชัดเจนในกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ทุกประเภท ผู้ทำประกันสามารถเลือกจำนวนค่าเสียหายส่วนแรกได้ตามความเหมาะสม โดยทั่วไปจะเริ่มต้นตั้งแต่ 1,000 ไปจนถึง 5,000 บาท

     ยกตัวอย่างเช่น หากคุณทำประกันรถยนต์โดยกำหนดค่าเสียหายส่วนแรกไว้ที่ 2,000 บาท เมื่อเกิดอุบัติเหตุที่มีความเสียหาย 10,000 บาท คุณจะต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก 2,000 บาท และบริษัทประกันจะรับผิดชอบส่วนที่เหลืออีก 8,000 บาท

ทำไมประกันรถยนต์ต้องมีค่าเสียหายส่วนแรก

    เหตุผลหลักในการกำหนดค่าเสียหายส่วนแรก คือ ช่วยเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ของผู้ใช้รถ โดยจำนวนเงินของค่าเสียหายส่วนแรกยิ่งสูงเพียงใด จะส่งผลให้ค่าเบี้ยประกันรถยนต์ลดลงเท่านั้น เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ช่วยลดค่าเบี้ยประกันรถยนต์ ในแต่ละปีได้ 

ขั้นตอนกา…

ขั้นตอนการขอ พ.ร.บ. รถใหม่ เมื่อทำ พ.ร.บ.รถหาย

     พ.ร.บ. รถยนต์ เป็นประกันภัยภาคบังคับที่กำหนดให้รถยนต์ที่ใช้งานไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ รถกระบะ รถบรรทุก รถมอเตอร์ไซค์รวมถึงรถมอเตอร์ไซค์ต่อพ่วงด้านข้าง รวมถึงรถพยาบาล รถดับเพลิง รถลาก รถพ่วงด้วย

     เมื่อชำระค่าเบี้ยประกันภัยภาคบังคับ หรือ พ.ร.บ. รถแล้ว เราจะได้กรมธรรม์มาฉบับหนึ่ง โดยส่วนท้ายของกรมธรรม์ จะใช้เป็นหลักฐานการชำระภาษีรถยนต์ประจำปี และตัวกรมธรรม์และใช้ยื่นเมื่อเรียกร้องสินไหมกรณีเกิดอุบัติเหตุ

     เมื่อไม่มี พ.ร.บ. หรือ พ.ร.บ.รถหาย มีผลทำให้ไม่สามารถต่อภาษีรถยนต์ประจำปีได้ และไม่สามารถขอรับค่าเสียหายได้ เราจึงเก็บรักษาไว้ให้ดี และควรถ่ายสำเนาไว้เผื่อสูญหาย แต่ถ้า พ.ร.บ.รถหาย ไปและหาไม่พบ อีกทั้งไม่ได้ทำสำเนาไว้ ก็ไม่ต้องตกใจหรือไปหาซื้อใหม่ เพราะสามารถขอใหม่ได้จากบริษัทประกันภัยที่เราซื้อมานั่นเอง

ขั้นตอนการขอ พ.ร.บ. รถใหม่ เมื่อทำ พ.ร.บ.รถหาย

1.ไปสถานีตำรวจเพื่อทำบันทึกประจำวัน

2.ติดต่อบริษัทประกันภัยที่เราซื้อกรมธรรม์

3.ส่งมอบหลักฐานที่บริษัทประกันภัยต้องการ ได้แก่ สำเนาบันทึกประจำวัน สำเนาบัตรประชาชนเจ้าของ พ.ร.บ.

4.รับสำเนา พ.ร.บ. จากบริษัทประกันภัย

    แต่ถ้าเราซื้อ พ.ร.บ.รถยนต์ ทางออนไลน์ และได้รับเอกสารทางอีเมล ก็ไม่ต้องกังวลเรื่อง พ.ร.บ. หาย เพราะเราสามารถพิมพ์ พ.ร.บ. ใหม่ได้จากอีเมล หรือถ้าหาไม่เจอ ก็สามารถติดต่อบริษัทประกันภัยเพื่อรอกรมธรรม์ทางอีเมลได้