บทความ

บุคคลล้มล…

บุคคลล้มละลายคืออะไร

     บุคคลล้มละลาย คือ บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล ที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว และไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด จนศาลพิพากษาสั่งให้เป็นบุคคลล้มละลาย

     บุคคลล้มละลายทุจริต คือ กรณีที่บุคคลล้มละลายกระทำการฉ้อฉล หรือมีพฤติการณ์ทุจริตเกี่ยวกับทรัพย์สินของตัวเอง เพื่อไม่ให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ตามที่ควรจะเป็น เช่น การจำหน่าย โอนย้าย หรือให้ผู้อื่นซ่อนเร้นทรัพย์สินของตัวเองเพื่อไม่ให้เจ้าหนี้ยึด หรืออายัดทรัพย์สินนั้น ถ้าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ หรือเจ้าหนี้พิสูจน์ได้ว่า บุคคลล้มละลายมีพฤติการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งข้างต้น ศาลอาจพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายทุจริต

สาเหตุของการเป็นบุคคลล้มละลาย


1.เป็นบุคคลธรรมดา มีหนี้สินมากกว่า 1 ล้านบาท

2. เป็นนิติบุคคล มีหนี้สินมากกว่า 2 ล้านบาท

3. เป็นผู้ที่มีแนวโน้ม มีหนี้สินล้นพ้นตัว หรือ ไม่มีความสามารถที่จะชำาระหนี้ได้

การตกเป็นบุคคลล้มละลายส่งผลอะไรต่อชีวิตบ้าง ?

1.ไม่สามารถทำนิติกรรมใด ๆ ได้ทั้งสิ้น รวมไปถึงธุรกรรมการเงินต่าง ๆ เช่น การเปิดบัญชีธนาคาร การโอนเงิน การถอนเงิน เป็นต้น

2. ไม่สามารถสมัครรับเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือดำรงตำแหน่งทางการเมือง รับราชการได้

3. ไม่สามารถดำรงตำแหน่งในบริษัท หากมีความจำเป็น จะต้องได้รับอนุญาตจากศาลก่อน จึงจะดำรงตำแหน่งได้
4.ไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ ถ้าความจำเป็นจริงๆต้องขออนุญาตจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก่อน

การพันสภาพจากบุคคลล้มละลายมีข้อกำหนดอย่างไรบ้าง ?

ㆍมีคำสั่งปลดจากการเป็นบุคคลลัมลาย

ㆍ การล้มละลายจะถูกปลดทันที เมื่อครบกำหนดระยะเวลา 3 ปีหลังถูกศาลสั่งให้เป็นบุคคลล้มละลาย แต่หากเคยล้มละลายมาก่อน อาจถูกยืดระยะเวลาออกไปเป็น 5 ปี หรือ 10 ปี

ㆍ หลังจากที่มีคำสั่งปลดจากการเป็นบุคคลล้มละลาย สามารถกลับไปใช้ชีวิต และได้รับสิทธิ์ในการทำธุรกรรมต่างๆ ได้ตามปกติ (หลุดพันจากภาระหนี้ที่ต้องชำระ) ยกเว้นในส่วน
หนี้สินที่เกี่ยวข้องกับภาษีอากร / หนี้สินที่เกิดขึ้นจากการทุจริตฉ้อโกงของบุคคลล้มละลาย

บทความ

3 อาชีพที…

3 อาชีพที่ไฟแนนซ์ไม่อนุมัติหรืออนุมัติยากมาก

1.อาชีพสีเทา 
     ไม่ว่าจะเป็นการหารายได้จากหวยใต้ดิน, เปิดบ่อนการพนัน, การปล่อยเงินกู้นอกระบบ และอาชีพที่สุ่มเสี่ยงต่อการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายต่างๆ โอกาสที่จะได้รับการอนุมัติสินเชื่อจากไฟแนนซ์มักจะน้อยมาก

2.ธุรกิจส่วนตัวที่ไม่ได้จดทะเบียนพาณิชย์
     ไม่ว่าจะเป็นการประกอบธุรกิจที่มีหน้าร้านหรือไม่มีหน้าร้าน รวมถึงการประกอบธุรกิจออนไลน์ หากว่าไม่มีการจดทะเบียนพาณิชย์ (หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกกันว่าจดทะเบียนการค้า) ก็มักจะไม่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อจากไฟแนนซ์ เนื่องจากถูกมองว่าไม่มีความมั่นคง ไม่มีหลักแหล่งกิจการที่ชัดเจน และไม่สามารถตรวจสอบแหล่งรายได้อย่างตรงไปตรงมา เสี่ยงต่อการถูกฉ้อโกงได้

3.อาชีพอิสระหรือฟรีแลนซ์
      อันที่จริงแล้วผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระ หรือ Freelance ยังพอมีโอกาสได้รับการอนุมัติสินเชื่อ เพียงแต่จะมีเงื่อนไขมากกว่าผู้ที่ทำงานประจำนิดหน่อย โดยจะต้องเน้นเอกสารที่แสดงถึงรายรับที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง (เช่น Statement บัญชีธนาคาร) รวมถึงหลักฐานการประกอบอาชีพเพื่อให้ได้มาซึ่งรายได้ เช่น สัญญาว่าจ้าง, ใบเสนอราคา, ใบหักภาษี ณ ที่จ่าย, หนังสือรับรองการทำงาน (กรณีมีสังกัดชัดเจน), สัญญาเช่าสถานที่, โฉนดที่ดิน, ภาพถ่ายหน้าร้าน และอื่นๆ ขึ้นอยู่กับลักษณะอาชีพของผู้กู้แต่ละราย

บทความ

จะเกิดอะไ…

จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อขาดต่อพ.ร.บ.

   การมี พ.ร.บ. (พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ) เป็นสิ่งที่ผู้ใช้รถทุกคนในประเทศไทยต้องปฏิบัติตาม เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองทั้งในด้านกฎหมายและความปลอดภัยทางการเงิน หากคุณขาดต่อ พ.ร.บ. รถยนต์ จะมีผลกระทบหลายด้าน ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้ 

1.มีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท

     การขาดต่อ พ.ร.บ. รถยนต์ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ซึ่งหากเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบว่า พ.ร.บ. ของรถยนต์ของคุณหมดอายุ คุณจะถูกปรับเป็นเงินสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท การจ่ายค่าปรับนี้ถือเป็นการเสียค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็นและสามารถหลีกเลี่ยงได้หากต่อ พ.ร.บ. ให้ทันเวลา

2.ไม่สามารถต่อภาษีรถยนต์ได้

      การต่อภาษีรถยนต์ประจำปีเป็นข้อบังคับตามกฎหมาย ซึ่งต้องทำพร้อมกับการต่อ พ.ร.บ. รถยนต์ ดังนั้นหากคุณขาดต่อ พ.ร.บ. รถยนต์ คุณจะไม่สามารถต่อภาษีรถยนต์ได้ ส่งผลให้การใช้งานรถยนต์ของคุณไม่ถูกต้องตามกฎหมายและอาจถูกปรับเพิ่มเติม

3.หากเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ จะไม่ได้รับความคุ้มครอง

      พ.ร.บ. รถยนต์มีบทบาทสำคัญในการให้ความคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถในกรณีเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะการคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลและค่าชดเชยต่างๆ หากคุณขาดต่อ พ.ร.บ. และเกิดอุบัติเหตุ คุณจะไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ. ซึ่งอาจทำให้คุณต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ที่สูงมาก

4.ไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ. และต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ เองทั้งหมด

     เมื่อขาดต่อ พ.ร.บ. คุณจะไม่ได้รับการคุ้มครองทั้งในกรณีที่คุณเป็นผู้บาดเจ็บเองหรือมีผู้ประสบภัยจากอุบัติเหตุที่คุณเป็นฝ่ายผิด ซึ่งหมายความว่าคุณต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล ค่าชดเชยรายได้ในกรณีที่ต้องหยุดงาน หรือแม้แต่ค่าชดเชยให้กับผู้ประสบภัยอื่นๆ ค่าใช้จ่ายเหล่านี้อาจมีมูลค่าสูงมากและเป็นภาระทางการเงินที่หนักหน่วง

      การขาดต่อ พ.ร.บ. มีผลกระทบอย่างมากต่อความปลอดภัยทางการเงินและความคุ้มครองทางกฎหมายของคุณ การต่อ พ.ร.บ. ให้ทันเวลาเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อให้คุณได้รับความคุ้มครองที่เหมาะสมและไม่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นจากการขาดการคุ้มครอง นอกจากนี้ยังเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายและป้องกันการถูกปรับที่ไม่จำเป็น

บทความ

ดอกเบี้ยค…

ดอกเบี้ยคงที่ VS ดอกเบี้ยลดต้นลดดอก ต่างกันอย่างไร

        ดอกเบี้ยเงินกู้ที่เรารู้จักกันดี มี 2 ประเภท คือ กับดอกเบี้ยแบบคงที่ (Fixed Rate) กับ ดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate) ซึ่งดอกเบี้ยแบบคงที่กับดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกมีความแตกต่างกันดังนี้

ดอกเบี้ยแบบคงที่ คืออะไร?

    ดอกเบี้ยแบบคงที่ คือ อัตราดอกเบี้ยที่ผู้ให้กู้กำหนดไว้ตายตัว โดยจะไม่มีการปรับตลอดการทำสัญญา โดยคำนวณจากจำนวนเงินต้นที่ขอสินเชื่อ และนำมาหารกับจำนวนงวดที่ต้องจ่ายในอัตราการคิดดอกเบี้ยที่เท่ากันในแต่ละครั้งของการชำระหนี้ จนกว่าผู้ขอสินเชื่อจะจ่ายครบตามสัญญากู้ที่ได้ตกลงร่วมกันไว้

ข้อดี 

1.อัตราดอกเบี้ยคงที่ สามารถวางแผนการใช้เงินได้ง่ายขึ้น

2.เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจะผ่อนจ่ายไปเรื่อย ๆ ไม่รีบปิดยอด

ดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก คืออะไร?

      ดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก คือ ดอกเบี้ยที่เปลี่ยนแปลงไปตามจำนวนเงินต้นที่ผู้ขอสินเชื่อได้ชำระในแต่ละงวด โดยดอกเบี้ยจะลดลงเรื่อย ๆ ตามเงินต้นที่ลดลง เนื่องจากถูกหักออกไปจากการชำระหนี้งวดก่อนหน้า

ข้อดี

1.อัตราดอกเบี้ยที่เปลี่ยนแปลงไปตามจำนวนเงินต้นที่ผู้ขอสินเชื่อได้ชำระในแต่ละงวด โดย ดอกเบี้ยจะลดลงเรื่อย ๆ ตามเงินต้นที่ลดลง

2.เหมาะสำหรับผู้ที่คิดว่าตนเองมีกำลังมากพอที่จะนำเงินมาปิดยอดได้ไว 

บทความ

รู้ทัน! ร…

รู้ทัน รูปแบบกลโกงจากมิจฉาชีพ

     แต่ละวันที่เราต้องพบเจอมิจฉาชีพหลากหลายรูปแบบ จนบางครั้งเราก็หลงเชื่อและมีผู้คนตกเป็นเหยื่อมากมาย เพราะเดี๋ยวนี้มิจฉาชีพร้ายกาจมากขึ้น มักหาวิธีใหม่ๆ มาหลอกขโมยเงินในบัญชีอยู่เสมอ วันนี้เลยแชร์ข้อมูลให้ทุกคนได้รู้ทันกลโกงของมิจฉาชีพในรูปแบบต่างๆ ว่ามีกลโกงอะไรบ้างและเรามีวิธีป้องกันได้อย่างไรไปดูกัน

     มิจฉาชีพหรือคนร้ายใช้วิธีส่งลิงก์ที่สร้างขึ้น โดยแอบอ้างบริษัทต่างๆ ว่าเหยื่อคือผู้โชคดีได้รับรางวัลได้สิทธิซื้อสินค้าราคาพิเศษ ได้โรงแรมที่พักฟรี หรือได้สิทธิพิเศษต่างๆ แต่เหยื่อต้องกรอกข้อมูลส่วนตัวเพื่อรับสิทธิดังกล่าว

     เมื่อเหยื่อเผลอกรอกข้อมูลไปก็จะเริ่มติดต่อเหยื่อ ให้ต้องชำระค่าธรรมเนียม หรือชำระภาษี หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ที่สามารถอ้างแล้วทำให้เหยื่อหลงเชื่อก่อนที่จะรับรางวัล

     พอเหยื่อหลงกลชำระค่าธรรมเนียม หรือภาษี คนร้ายก็ปิดช่องทางติดต่อไป

     คนร้ายมักจะแอบอ้างบริษัทใหญ่ๆ เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ ง่ายต่อการหลอกให้เหยื่อหลงเชื่อ

     ก่อนจะได้รางวัล หรือสิทธิพิเศษ จะต้องให้เหยื่อกรอกข้อมูลส่วนตัวก่อน

     ก่อนได้จะรางวัล หรือสิทธิพิเศษ ต้องชำระค่าธรรมเนียม หรือ ชำระภาษี

วิธีป้องกัน

    วิธีที่ 1 ไม่หลงเชื่อสายที่ได้รับหรือข้อความว่าเราเป็นผู้โชคดีได้รับรางวัลพิเศษ ผ่านทางโลกออนไลน์

    วิธีที่ 2  ไม่กรอกข้อมูลส่วนตัวให้กับผู้ใด ยิ่งเป็นการแจ้งว่าเราได้รับสิทธิพิเศษ ยิ่งต้องระวังให้มากขึ้น ลบข้อความนั้นทิ้งทันทีปลอดภัยที่สุด

   วิธีที่ 3  ไม่หลงกลจ่ายค่าธรรมเนียมหรือค่าภาษีใดๆ ผ่านทางระบบออนไลน์ ก่อนที่เราจะได้ไปพบ ผู้แจกรางวัล ตัวเป็นๆ เพื่อความมั่นใจว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริง

   วิธีที่ 4 ต้องมีสติ เหนืออารมณ์ อย่าหลงเชื่อกลลวง

   วิธีที่ 5 ตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวผ่านเว็บไซด์หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับรางวัลนั้นๆ

บทความ

รู้จัก กา…

รู้จัก การจำนอง

              จำนองก็เป็นหลักประกันหนี้อีกประการหนึ่ง จำนองคือการใครคนหนึ่งเรียกว่า ผู้จำนองเอาอสังหาริมทรัพย์ อันได้แก่ ที่ดิน บ้านเรือนเป็นต้น ไปตราไว้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่า ผู้รับจำนองหรือนัยหนึ่งผู้จำนองเอาทรัพย์สินไปทำหนังสือจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ของลูกหนี้ โดยไม่ต้องส่งมอบทรัพย์ที่จำนองให้เจ้าหนี้ผู้จำนองอาจเป็นตัวลูกหนี้เอง หรือจะเป็นบุคคลภายนอกก็ได้ เช่น นายดำ กู้เงินนายแดง 100,000 บาท เอาที่ดินของตนเองจำนองหรือนายเหลืองซึ่งเป็นบุคคลภายนอกเอาที่ดินจำนองจดทะเบียนที่สำนักงานที่ดินเป็นประกันหนี้นายดำ ก็ทำได้เช่นเดียวกันเมื่อจำนองแล้วถ้าลูกหนี้ไม่ชำระหนี้เจ้าหนี้ก็มีอำนาจยึดทรัพย์ที่จำนองออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ได้และมีสิทธิพิเศษได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้ธรรมดาทั่วไป
          กู้เงินแล้วมอบโฉนด หรือ น.ส. 3 ให้เจ้าหนี้ยึดถือไว้มิใช่จำนองเจ้าหนี้ไม่มีสิทธิพิเศษเป็นเพียงเจ้าหนี้ธรรมดา แต่มีสิทธิยึดโฉนดหรือ น.ส. 3 ไว้ตามข้อตกลงจนกว่าลูกหนี้จะชำระหนี้ฉะนั้นถ้าจะทำจำนองก็ต้องจดทะเบียนให้ถูกต้อง 

      ทรัพย์สินที่จำนอง :
               ทรัพย์สินที่จำนองได้ คืออสังหาริมทรัพย์อันหมายถึง ทรัพย์ที่ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ เช่น ที่ดิน บ้านเรือน เรือกสวนไร่นาเป็นต้น นอกจากนั้นสังหาริมทรัพย์ คือทรัพย์ที่เคลื่อนที่ได้บางอย่าง เช่นเรือกำปั่น เรือกลไฟ แพ ที่อยู่อาศัย และสัตว์พาหนะ ถ้าได้จดทะเบียนไว้แล้วก็อาจนำจำนองได้ดุจกันเมื่อเจ้าของทรัพย์นำไปจำนองไม่จำเป็นต้องส่งมอบทรัพย์ที่จำนองให้แก่เจ้าหนี้เจ้าของยังครอบครองใช้ประโยชน์เช่น อยู่อาศัยในบ้าน หรือทำสวนทำไร่หาผลประโยชน์ได้ต่อไปนอกจากนั้นอาจจะโอนขายหรือนำไปจำนองเป็นประกันหนี้รายอื่นต่อไป ก็ย่อมทำได้ส่วนเจ้าหนี้นั้นการที่ลูกหนี้นำทรัพย์ไปจดทะเบียนจำนองก็นับได้ว่าเป็นประกันหนี้ได้อย่างมั่นคงไม่จำเป็นต้องเอาทรัพย์นั้นมาครอบครองเอง

บทความ

โฉนดที่ดิ…

โฉนดที่ดินบอกอะไรเราได้บ้าง?

       ที่ดินถือเป็นสินทรัพย์อันมีค่า เมื่อต้องทำธุรกรรมเกี่ยวกับที่ดินเช่น การจำนำหรือจดจำนอง สิ่งที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือ “โฉนดที่ดิน” ซึ่งโฉนดที่ดินคือ เอกสารสิทธิ์ที่ใช้แสดงความเป็นเจ้าของที่ดิน โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับตำแหน่งที่ตั้ง ขอบเขตและลักษณะของที่ดิน รูปแผนที่ของที่ดิน ขนาดหน้ากว้างที่ดิน นิติกรรมต่างๆ ที่เคยจดทะเบียน รวมไปถึงข้อจำกัดของที่ดิน ซึ่งสามารถใช้ตรวจสอบความถูกต้องของที่ดินและผู้ถือกรรมสิทธิ์ได้ ดังนั้นผู้ที่ต้องการจะซื้อ ขาย จำนำ จำนองที่ดิน ทุกคนจึงควรมีความรู้เกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆ บนโฉนดที่ดิน เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดจากการทำนิติกรรมต่างๆ

บทความ

5 เคล็ดลั…

5. เคล็ดลับ เพื่อสุขภาพการเงินที่ดี

1.ประกาศเจตนารมณ์การออม

ออมเงินอย่างจริงจัง หันมาใช้ชีวิตแบบ ออมก่อน ใช้ทีหลัง โดยออมให้พอเหมาะพอดี ไม่ตึงหรือไม่หย่อนจนเกินไป

2.แยกระหว่าง “ความจำเป็น” กับ “ความอยาก”

ก่อนตัดสินใจซื้อของชิ้นหนึ่ง ให้หยุดคิดและชั่งใจว่าของชิ้นนั้นเป็นของจำเป็นหรือแค่อยากได้ หากซื้อแล้วคุ้มค่าหรือไม่ ได้ใช้หรือเปล่า

3.สำรองเงินยามฉุกเฉิน

อย่างน้อย 3 – 6 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน เพราะเรื่องไม่คาดคิดอาจเกิดขึ้นได้เสมอ การเตรียมเงินสำรองเอาไว้ก้อนหนึ่งเพื่อรับมือกับเรื่องฉุกเฉิน จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรกระทำอย่างยิ่ง

4.จดทุกรายการรับจ่าย

การรู้เท่าทันสถานการณ์ทางการเงินจะช่วยให้คุณสามารถตัดค่าใช้จ่ายส่วนที่ไม่จำเป็นออกไปได้

5.มุ่งมั่นใช้หนี้

หนี้จะทำให้ภูมิคุ้มกันทางการเงินของคุณย่ำแย่ลง พยายามปลดหนี้ เพื่อเดินไปสู่อิสรภาพทางการเงินโดยเร็ว

บทความ

วางแผนการ…

วางแผนการเงินฉบับพนักงานประจำ

      การวางแผนการเงินเป็นเรื่องสำคัญ ที่ไม่ว่าช่วงวัยไหนก็ควรให้ความสำคัญ ยิ่งเมื่อเราเริ่มทำงานมีรายได้ในบทความนี้จะมาแนะนำว่าเรื่องใดบ้างที่ควรให้ความสำคัญในการวางแผนการเงินแบบฉบับพนักงานประจำ

1.การบริหารเงินเดือน

      การบริหารจัดการเงินเดือนให้เพียงพอใช้ในแต่ะเดือนถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะคนส่วนใหญ่มักจะพึ่งรายได้จากงานประจำ แต่ส่วนน้อยที่จะหางานเสริมเพื่อเพิ่มรายได้ ดังนั้นการบริหารจัดการเงินเดือนจึงเป็นเรื่องสำคัญเนื่องจากหากใช้แบบไม่บริหารจัดการในแต่ละเดือนอาจไม่พอใช้จ่ายและทำให้ต้องไปก่อหนี้ใหม่เพื่อมาใช้ในชีวิตประจำวัน

2.ภาษี

      สำหรับมนุษย์เงินเดือนหรือผู้ที่มีรายได้ เรื่องภาษีเป็นเรื่องที่สำคัญที่ควรรู้ เพราะหากไม่ใส่ใจและโดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลังได้ นอกจากนี้แล้วยังควรรู้วิธีการในการคำนวณ เพื่อให้เราสามารถวางแผนในการลดหย่อนภาษีจะทำให้เราช่วยประหยัดเงินในส่วนนี้ไปได้มาก

3.การจัดการหนี้

      การเป็นหนี้ไม่ได้แย่ แต่ต้องรู้จักวิธีบริหารจัดการ และการจ่ายหนี้ต่อเดือนไม่ควรเกิน 1 ใน 3 ของรายได้ ก่อนก่อหนี้ควรศึกษาเงื่อนไขของการกู้นั้นๆ ศึกษาข้อมูลการคิดดอกเบี้ย ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่พนักงานควรรู้เพราะหากเกิดปัญหาขึ้นมา ปัญหาหนี้จะทำให้ไม่มีสมาธิและประสิทธิภาพในการทำงานลดลง

4.สวัสดิการในการรักษาพยาบาล

       สิ่งที่เราควรรู้อีกเรื่องเลยนั้นก็คือสวัสดิการในการรักษากรณีที่เราเข้าโรงพยาบาล เพราะเหตุการที่ไม่คาดฝันสามารถเกิดขึ้นได้ตลอด เราจึงต้องทราบว่าเรามีสวัสดิการในส่วนนี้อย่างไรบ้าง แล้วเราควรเพิ่มความคุ้มครองในการรักษาตรงนี้อย่างไรบ้างเพื่อไม่ให้กระทบกับสภาพคล่องทางการเงินหากเกิดต้องรักษาพยาบาลจริงๆ

บทความ

5 ความคิด…

5 ความคิดทางการเงินที่ดีเพื่อความสำเร็จ

       ความคิดที่ดีทางการเงิน คือ การใช้จ่ายอย่างชาญฉลาดในการประหยัดเงินและการลงทุน การพัฒนาความคิดด้านการเงิน ช่วยให้สามารถมีสติ เพื่อสร้างและพัฒนาทักษะการบริหารจัดการทางการเงินให้ประสบความสำเร็จ

1.ความคิดทางการเงินไม่ดี ก็ไม่มีเงิน ควรมีพัฒนาความคิดและความรู้ตลอดเวลา การขาดความคิดทางการเงินอาจเป็นสาเหตุของความล้มเหลว ในการเริ่มต้นชีวิตได้ ควรสร้างความคิดทางการเงินที่ดีต่อสุขภาพการเงินก่อน ให้มีความมั่นคงในการดำเนินการบางอย่าง เพื่อพัฒนากรอบความคิดทางการเงินที่ดีต่อไป

2.ศึกษาหาความรู้หลักสูตรทางการเงิน การหาความรู้จากหนังสือทางการเงินประกอบหลักแนวคิด เกี่ยวกับทางการเงิน ทักษะพื้นฐานทางการเงินและปัจจัยทางจิตวิทยา มันส่งผลให้พฤติกรรมทางการเงินที่ดี รวมถึงการเรียนรู้จากประสบการณ์ ช่วยสร้างความคิดทางการเงินได้ หรือการเรียนหลักสูตรทางการเงินเพิ่ม สามารถช่วย ในการพัฒนาความคิด และมีความเข้าใจมากขึ้น เช่น การหารายได้เพิ่มจากการวางแผนทางการเงิน หรือรายได้เพิ่มจากการลงทุน เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีทางการเงิน

3.ปรึกษาและขอคำแนะนำผู้รู้ แนวทางในการพัฒนาความคิดทางการเงินของคุณ อาจจะอาศัยประสบการณ์ทางการเงินที่หลากหลาย ในการหาที่ปรึกษา ทางการเงิน กับ กลุ่มกูรูทางการเงิน อาจารย์ เพื่อน ญาติและคนรู้จัก มุ่งเน้นไปที่คนที่คุณรู้ว่าใครประสบความสำเร็จทางการเงินโดยขอคำแนะนำจากพวกเขา อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี นอกจากนั้นยังศึกษาข้อมูลจากเว็บไซต์และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียจากองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ที่มุ่งเน้นไปที่การศึกษาทางการเงิน อาจให้ความช่วยเหลือและให้คำปรึกษาได้

4.หาเวลาใส่ใจอ่านมากขึ้น มุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์ทางการเงินและการวางแผน เพื่อทำความเข้าใจความเสี่ยงและผลประโยชน์ในขณะที่คุณตัดสินใจ แหล่งข้อมูลเหล่านี้สามารถพบได้ในแหล่งข้อมูลออนไลน์ หนังสือและเอกสารการวิจัย และเว็บไซต์ต่างๆ เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อเมซอน ซึ่งมีรายการทางการเงินและหนังสือการเงินใหม่ บทวิเคราะห์ เป็นประจำที่สามารถให้ความคิดที่หลากหลายเกี่ยวกับสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญ ทางการเงิน นอกจากนั้นบทความ เนื้อหาวิดีโอ E-Learning ให้การวิเคราะห์ที่ครอบคลุมและเคล็ดลับที่มีค่าที่สามารถ ให้มุมมอง ที่มีการศึกษามากขึ้น ช่วยค้นหาวิธีการฝึกความคิดทางการเงิน การประเมินผลกระบวนการฝึกฝน และประเมินผลให้ บทเรียนที่จำเป็น เพื่อกำหนดรูปแบบทางการเเงินของคุณได้ด้วยตนเอง

5.เปลี่ยนตามความคิดที่เปลี่ยนไป เพียงจำไว้ว่าความคิดทางการเงินจะใช้เวลาในการพัฒนาและมีความพยายามมากเท่าไหร่ก็ยิ่งพัฒนามากขึ้น คุณก็จะได้รับผลตอบแทนมากขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตัดสินใจเรื่องเงินนำไปสู่ผลลัพธ์ที่แน่นอน ในที่สุดคุณอาจเห็นแนวคิดความเฉียบแหลม ทางการเงินที่กำลังเติบโตของคุณ และกำลังเริ่มปรับฐานะทางการเงินของคุณให้ดีขึ้นได้ และประสบความเร็จทางการเงิน มีความมั่งคั่ง มั่นคงตลอดไป